วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทำไมร้านขายยาถึงตกยุค ?

ร้านขายยาที่มิได้เป็นร้านเครือข่าย จะมีข้อจำกัดที่เหมือนกับธุรกิจขนาดเล็กทั่วๆไปคือ มีทรัพยากรจำกัด ไม่สามารถจัดสรรให้กับกิจกรรมที่จำเป็นของธุรกิจได้อย่างรอบด้าน รวมถึงทรัพยากรบุคคลด้วย

ธุรกิจขนาดเล็กโดยทั่วไป จะแก้ปัญหาโดยการจัดสรรบุคคลากรให้กับงานที่สำคัญที่สุดอย่างเห็นได้ชัดเป็นลำดับแรก ซึ่งมักจะได้แก่งานขาย เพราะเป็นงานที่นำเงินเข้าร้าน ส่วนงานอื่นๆ เป็นต้นว่าบัญชี งานพัฒนาบุคคลากร หรือแม้แต่งานตรวจตราตัวเลขผลประกอบการเพื่อวิเคราะห์ดูสิ่งที่ควรทำ หรือสิ่งที่ควรเลิกทำ อันเป็นงานของผู้ประกอบการ ก็จะผลัดไว้ให้เป็นงานที่ว่างเมื่อไหร่ค่อยทำ หรือนานๆทำทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อไม่ได้ทำเป็นเวลานาน ก็จะเป็นงานที่ลืมไปว่าต้องทำ

ส่วนงานที่เกี่ยวกับการติดตามและตอบรับความเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อธุรกิจ ก็จะกลายเป็นงานที่ธุรกิจขนาดเล็กไม่เคยคิดว่าจะต้องทำ โดยเฉพาะธุรกิจที่ก่อตั้งมาเกินสามสิบปี ซึ่งอาจเป็นเพราะในอดีต สังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปช้ามากๆ จนผ่านเดือนผ่านปีไปอย่างไม่มีความแตกต่างที่มีนัยสำคัญกับธุรกิจ เวลาจึงเกือบจะเหมือนกับหยุดนิ่งสำหรับโลกธุรกิจยุคเดิม

สิ่งนี้ ไม่เป็นจริงกับโลกทุกวันนี้ ที่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเห็นได้แทบจะทุกวัน บางครั้งอาจต้องจับตามองความเปลี่ยนแปลงเป็นรายวินาทีด้วยซ้ำ เช่นในช่วงที่เกิดวิกฤติต่างๆที่สถานการณ์ยังไม่นิ่ง เหตุการณ์ต่างๆอาจพลิกกลับเป็นตรงกันข้ามในช่วงเสี้ยววินาที การตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ร้านขายยาก็เช่นกัน ส่วนใหญ่จะมีบุคคลากรไม่มากนักภายในร้าน และจะจัดสรรลงในงานขาย หรือจ่ายยาซึ่งเป็นงานประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม เพราะเป็นงานที่นำเงินเข้าร้าน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานบริหารอันเป็นงานของผู้ประกอบการเอง นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ร้านขายยาดั้งเดิมไม่อาจรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและไม่อาจปรับตัวได้ทัน ทั้งๆที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ มีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย มีทั้งที่เป็นวิกฤติที่ร้านขายยาควรหลีกเลี่ยง ซึ่งสามารถจะวางแผนหลีกเลี่ยงได้แต่เนิ่นๆ และก็มีทั้งโอกาสที่ร้านขายยาควรจะฉกฉวยเอาไว้ในการทำให้ธุรกิจเข้มแข็งขึ้น
แต่เป็นเพราะ ผู้ประกอบการทั้งหลายใช้เวลาทั้งหมดไปกับการขาย ซึ่งเป็นงานของผู้ประกอบวิชาชีพ โดยมิได้แบ่งเวลาให้กับงานของผู้ประกอบการเอง ดังนั้น พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ธุรกิจของตัวเองก็ตกยุคไปแล้ว

การตกยุคนี้ เป็นการตกยุคเพราะทฤษฎีธุรกิจที่ร้านขายยาร้านนั้นใช้อยู่ ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ทฤษฎีธุรกิจของร้านขายยาจำนวนมากไม่เป็นจริงกับปัจจุบัน ทั้งๆที่มันเคยใช้การได้ดีในเวลาที่คุณเริ่มก่อตั้งกิจการ

ทุกๆหน่วยงาน (แม้แต่หน่วยงานเช่นสมาคม หรือกระทรวง ทบวง กรม) รวมถึงทุกๆร้านขายยาจะก่อตั้งมาพร้อมกับทฤษฎีธุรกิจของตัวเองชุดหนึ่ง ไม่ว่าจะคิดไว้ก่อนหรือไม่ หรือจะจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่า

ในทุกทฤษฎีธุรกิจ จะประกอบด้วยเรื่องสามเรื่องคือ
• สมมุติฐานเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม
• พันธกิจ
• ความสามารถหลักเพื่อที่จะบรรลุพันธกิจ

สมมุติฐานเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม

ในขณะที่คุณก่อตั้งธุรกิจจะมีสภาพแวดล้อมต่างๆมากมาย แต่มีเพียงสภาพแวดล้อมบางอย่างเท่านั้นที่คุณจะเลือกมาใช้เป็นโอกาสสำหรับธุรกิจของคุณ สภาพแวดล้อมอื่นจะเป็นเพียงข้อเท็จจริงที่คุณต้องคำนึงถึงหรือรับรู้ว่ามีอยู่

เป็นต้นว่า สามสี่สิบปีที่แล้ว การสาธารณสุขของภาครัฐยังไม่ทั่วถึง ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ลำบาก ในขณะที่สาธารณสุขของภาคเอกชนอื่น เช่นโรงพยาบาล ก็มีราคาแพง นี่เป็นสภาพแวดล้อมที่คุณใช้เป็นโอกาสเพื่อเสนอตัวเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้โดยก่อตั้งธุรกิจร้านขายยาขึ้นมา

ส่วนสภาพแวดล้อมทางกฎระเบียบที่ว่า มีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการทำละเมิด ที่บัญญัติให้ผู้ที่ก่อความเสียหายให้แก่บุคคลอื่นต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำของตนนั้น เป็นเพียงข้อเท็จจริงหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องรับรู้ แต่อาจไม่มีผลต่อกลยุทธหลักของธุรกิจในขณะนั้น

สมมุติฐานเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมด้านต่างๆที่สำคัญที่คุณควรให้ความสนใจ
1. ด้านสังคม
2. ด้านเศรษฐกิจ
3. ด้านการเมืองและกฎระเบียบต่างๆ
4. ด้านเทคโนโลยี
5. ด้านการแข่งขัน

พันธกิจ

หรือภารกิจ หมายถึงข้อความที่แสดงแนวทางหลักในการอยู่รอดของธุรกิจ โดยระบุถึงของเขตของงาน บทบาทหน้าที่ที่ธุรกิจต้องกระทำ

สภาพแวดล้อมจะเป็นสิ่งกำหนดพันธกิจของคุณ เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป พันธกิจก็ไม่อาจจะคงเดิม
เมื่อคุณเริ่มก่อตั้งร้านของคุณ คุณอาจเรียกร้านของคุณว่าเป็น “ร้านขายยา” พันธกิจของร้านคุณก็คือ “จำหน่ายาให้แก่คนในชุมชน” แต่สภาพแวดล้อมทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากในอดีต

• ลูกค้าต้องการมากกว่าการรักษาการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นการแก้ เปลี่ยนมาเป็นความต้องการสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นการป้องกัน
• ลูกค้าไม่ได้อยู่ในชุมชนเดียว การเดินทางสัญจรเป็นไปอย่างสะดวก และมีชุมชนเสมือนในโลกอินเตอร์เน็ต นั่นหมายถึง คุณไม่ได้เป็นตัวเลือกเดียวของลูกค้า
• ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการโรงพยาบาล หรือคลินิค ได้ง่ายกว่าในอดีต และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จากการเกิดขึ้นของโครงการหลักประกันสุขภาพของภาครัฐ นั่นหมายถึงว่า ร้านขายยาไม่ใช่ตัวเลือกแรกเพียงตัวเลือกเดียวเมื่อผู้บริโภคมีการเจ็บป่วยเล็กน้อยอีกต่อไป

หากคุณกำหนดพันธกิจไว้แคบ ก็จะมองไม่เห็นโอกาส เช่น การขาย “ยา” กับการขาย “สินค้าสุขภาพ” ก็มีความกว้างแคบของขอบเขตงานที่จะทำต่างกัน ทั้งๆที่มีกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกัน ทักษะหรือทรัพยากรที่ผู้ประกอบการต้องมีใกล้เคียงกัน แต่โอกาสในการขายต่างกันมาก

แต่ถ้าคุณกำหนดพันธกิจเป็นการ “ขายปลีก” นั่นหมายถึงคุณตั้งใจจะขายทุกอย่าง คุณก็ต้องประมาณดูว่า คุณจะต้องมีพื้นที่ขายมากเพียงใด ต้องใช้ทุนสำหรับการซื้อสินค้ามาสำรองเพื่อขายปลีกมากเพียงใดจึงจะทำให้คุณเป็นร้านขายปลีกที่สมบูรณ์ในความคิดของลูกค้า

การกำหนดความกว้างแคบของพันธกิจจึงต้องพิจารณาถึงความสามารถของตนเองด้วย

ความสามารถหลัก

คือสิ่งที่คุณต้องมีเพื่อที่จะบรรลุตามพันธกิจที่วางไว้ คุณต้องพยายามสร้างความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวให้เป็นจุดแข็งของคุณไม่ว่าคุณจะมีมันอยู่ในเวลาเริ่มต้นหรือไม่

ทฤษฎีธุรกิจทั้งสามหัวข้อนี้คือ สมมุติฐานเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม, พันธกิจ และความสามารถหลัก จะต้องมีลักษณะสอดคล้องกับความเป็นจริง และสอดคล้องซึ่งกันและกัน และเพื่อให้เกิดผลสำเร็จเป็นมรรคเป็นผลขึ้น ทุกคนภายในธุรกิจของคุณจำเป็นจะต้องรู้ถึงทฤษฎีธุรกิจที่ใช้อยู่ เพื่อที่จะได้ช่วยกันพายช่วยกันจ้ำเพื่อนำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน

แต่ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ ทฤษฎีธุรกิจที่ใช้อยู่นี้ ควรจะต้องมีการทดสอบความเหมาะสมเป็นระยะเพื่อป้องกันการใช้ทฤษฎีธุรกิจที่ตกยุคล้าสมัยในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า แบบที่ร้านขายยาส่วนใหญ่ประสบอยู่ในทุกวันนี้

การตรวจสอบทฤษฎีธุรกิจ

เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้ทฤษฎีธุรกิจที่ไม่เหมาะสม จึงควรมีการตรวจสอบทฤษฎีธุรกิจของคุณ ทั้งในเรื่องสภาพแวดล้อม, พันธกิจ และความสามารถหลัก ว่ายังเหมาะสมดีอยู่หรือไม่ โดย

1. การตรวจสอบตามระยะเวลา (แบบเดียวกับการเอารถเข้าอู่เพื่อตรวจสภาพความพร้อมใช้งาน) เป็นต้นว่า ทุกสามปี ให้มีการตั้งคำถามกับสิ่งที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการ หรือนโยบาย หรือช่องทางการจัดจำหน่าย ว่า ถ้าไม่มีสิ่งนี้ คุณจะทำอย่างไร
2. การศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกธุรกิจ ดูความเปลี่ยนแปลง และความเป็นไป ทั้งนี้เพราะสังคมนอกธุรกิจ มีขนาดใหญ่กว่าสังคมภายในธุรกิจของคุณ ความเปลี่ยนแปลงใดๆที่จะเกิดขึ้น มักจะเกิดขึ้นจากภายนอกธุรกิจก่อน หากคุณสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน คุณก็มีโอกาสที่จะทบทวนทฤษฎีธุรกิจของคุณก่อนที่ความเปลี่ยนแปลงจะเข้าสู่ธุรกิจ
3. การดักจับสัญญาณเตือนภัย ทฤษฎีธุรกิจที่ไม่เหมาะสม อาจส่งสัญญาณเตือนในหลายๆรูปแบบ เป็นต้นว่า
• ความสำเร็จ หรือความล้มเหลวโดยไม่คาดคิด นั่นแสดงว่าสิ่งที่คุณคาดคิดไว้ มันอาจจะมีอะไรไม่ถูกต้องอยู่
• ความสำเร็จเกินที่คาดหวัง มีผลทำให้ธุรกิจของคุณอาจมีอะไรบางอย่างขยายผิดสัดส่วนที่ควรจะเป็น หรือผิดรูปจากที่ออกแบบไว้เมื่อครั้งวางทฤษฎีธุรกิจใหม่ ฝ่ายขายของคุณอาจขยายใหญ่ขึ้น จนเกินกว่าหน่วยงานสนับสนุนจะรับไหว หรือาจมีอำนาจเกินกว่าระบบการถ่วงดุลหรือระบบตรวจสอบที่ออกแบบไว้จะทำหน้าที่ได้ ระบบการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน หรือกับหน่วยงานอื่นในองค์การ หรือกับลูกค้าอาจเปลี่ยนไป และในที่สุดมันจะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของคุณในช่วงต่อไป จึงควรเป็นโอกาสที่จะทบทวนว่า ทฤษฎีธุรกิจเดิมยังจะทำหน้าที่ได้หรือไม่
• การบรรลุพันธกิจที่ตั้งเป้าหมายไว้ คุณออกแบบธุรกิจของคุณเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายตามพันธกิจ โดยอาศัยความสามารถหลักที่คุณสร้างขึ้น เมื่อพันธกิจบรรลุแล้ว การจะรักษาความสำเร็จตามพันธกิจไว้ อาจต้องใช้ความสามารถหลักอย่างอื่นนอกเหนือไปจากความสามารถหลักที่คุณเคยใช้ในการบรรลุพันธกิจ การบรรลุพันธกิจ จึงไม่ใช่เวลาแห่งการฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นเวลาของการทบทวนทฤษฎีธุรกิจอีกด้วย

การพยายามใช้ทฤษฎีธุรกิจที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์อีกต่อไป นอกจากจะเป็นการเสียแรงในการทำงานมากกว่าที่ควร เสียทรัพยากรให้กับธุรกิจโดยสร้างผลตอบแทนให้คุณน้อยกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว ยังจะเป็นถ่วงคุณให้เสียเวลาที่คุณควรจะละเลียดกับความสำเร็จที่คุณควรจะได้รับให้มันเนิ่นช้าออกไป

จึงควรที่คุณจะหันมาทบทวนทฤษฎีธุรกิจของคุณ ไม่ว่าทฤษฎีธุรกิจเดิมของคุณมันจะอยู่ในกระดาษในรูปของแผน หรือจะอยู่ในใจของคุณในรูปของความเชื่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น