ในการสร้างรูปแบบธุรกิจ
(Business Model) ใหม่ มีเรื่องใหญ่ๆที่ต้องคำนึงถึงสองเรื่องในเบื้องต้น คือ
· เราจะสร้างคุณค่าเพิ่มอย่างไร
· เราจะเปลี่ยนคุณค่าเพิ่มที่เราสร้างขึ้น
ให้เป็นประโยชน์กับเราได้อย่างไร
เรื่องแรก เราจะสร้างคุณค่าเพิ่มอย่างไร?
ในความเป็นจริง
ธุรกิจก็คือกิจกรรมเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการที่มีอยู่ท่วมโลก
โดยที่การเพิ่มคุณค่านี้ ต้องเป็นไปเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนในสังคม หรือเป็นประโยชน์ต่อคนในสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
หากคุณค่าที่สร้างเพิ่มขึ้นนี้
มีมากในการรับรู้ของคนที่เป็นลูกค้า คุณก็จะขายได้ในราคาสูง
หากคุณค่าที่สร้างเพิ่มขึ้นนี้
เป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก คุณก็จะขายได้ในปริมาณมาก
หากคุณค่าที่สร้างเพิ่มขึ้นนี้
เป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบได้ยาก คุณก็จะผูกขาดและเพลิดเพลินกับกำไรนี้ได้นาน จนกว่าจะมีผู้ลอกเลียนแบบได้
หรือจนกว่าความนิยมของลูกค้าจะเปลี่ยน
นี่คือหลักการของการเลือกมุมที่จะเพิ่มคุณค่าของธุรกิจ
หากธุรกิจของคุณ
เป็นเพียงแค่ซื้อสินค้าแพ๊คใหญ่มาแกะห่อเพื่อขายปลีก คุณค่าที่คุณสร้างขึ้นก็เพียงแค่แบกสต๊อคจนกว่าจะมีคนซื้อไป
ซึ่งคุณก็ไม่สามารถที่จะเรียกมูลค่าเพิ่มจากกิจกรรมที่คุณทำได้มากนัก
นอกจากสินค้านั้นเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยากของคนทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่รู้ข้อมูล หรือความยากลำบากในการขนส่งก็ตาม
อีกทั้งการซื้อสินค้าแพ๊คใหญ่มาแกะห่อขายปลีกเช่นนี้
ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย จึงง่ายที่ใครๆจะลอกเลียนแบบ หากมีคนเห็นว่าการทำเช่นนี้มีกำไรมากเพียงพอจะจูงใจให้เขาทำบ้าง
เขาย่อมเข้ามาเป็นคู่แข่งกับคุณได้ง่ายๆ จนทำให้กำไรที่ดูน่าสนใจในตอนแรก
ตกลงสู่ระดับปกติ ที่ไม่น่าสนใจ
ความยากในการลอกเลียนแบบ
จึงบอกถึงความยั่งยืนของกำไร
สิ่งเหล่านี้
เป็นประเด็นในการตัดสินใจเพื่อทำกิจกรรมเพิ่มคุณค่าของธุรกิจ
เรื่องที่สอง เราจะเปลี่ยนคุณค่าเพิ่มที่เราสร้างขึ้น
ให้เป็นประโยชน์กับเราได้อย่างไร?
ถ้าคุณมีทองอยู่บาทนึง
คุณจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร ? บางคนอาจขายไปเพื่อแลกกับเงินสด
บางคนอาจนำเข้าโรงจำนำเพื่อแลกเงินมาใช้ชั่วคราว รอเวลาที่ได้ราคาดีๆจึงค่อยขายไป
แต่บางคนพอใจจะเก็บไว้เพื่อรักษามูลค่าของเงิน
แต่บางคนเลือกที่จะนำทองบาทนั้นมาเป็นรางวัล
โดยออกสลากหนึ่งร้อยใบและขายให้กับผู้สนใจเสี่ยงโชค กติการง่ายๆก็คือ หากเลขท้ายสองตัวของรางวัลที่หนึ่งของงวดนั้น
ตรงกับเลขในสลากของใคร คนนั้นได้ทองไป
หากว่าเขาขายสลากหนึ่งร้อยใบ
ในราคาใบละห้าร้อยบาท สิ่งที่ผู้ซื้อสลากได้ก็คือ
โอกาสในการได้รับทองคำมูลค่าสองหมื่นกว่าบาท ในราคาเพียงห้าร้อยบาท
ในขณะที่สิ่งที่ผู้ขายสลากได้รับคือ
หากเขาขายสลากได้หมด เขาจะได้รับเงินห้าหมื่นบาท
มากกว่าการนำทองไปขายถึงหนึ่งเท่าตัวเลยทีเดียว
นี่คือไอเดียหนึ่งในการแปลงสิ่งที่เรามีอยู่ให้เป็นเงิน
การขายไม่ใช่วิธีเดียวในการแลกเปลี่ยน
ร้านกาแฟแต่เดิม
เมื่อติดกระจกติดแอร์ เพิ่มความสบายให้กับลูกค้า ลูกค้าที่เข้ามาก็ไม่ได้มีเพียงคนที่อยากกินกาแฟ
แต่กลายเป็นสถานที่นัดพบปะสังสรรค์กัน เป็นสถานที่อ่านหนังสือ
เป็นสถานที่ทำกิจกรรมสบายๆกึ่งส่วนตัวของคนหลากหลายกลุ่ม เมื่อเพิ่มบริการอินเตอร์เน็ต
และปลั๊กไฟให้ลูกค้าได้ใช้กับอุปกรณ์ที่นำมาเอง ก็กลายเป็นอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
ที่เพิ่มภาพลักษณ์เรื่องความทันสมัย พร้อมๆกับเพิ่มโอกาสของลูกค้าในการเข้าร้าน
แต่ร้านสตาร์บั๊ค
กลับมีวิธีการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ มากกว่าเพียงการขายกาแฟและอาหารในร้าน
สตาร์บั๊ค
ได้ออกบัตรเงินสดเพื่อซื้อกาแฟในร้าน สำหรับรองรับพฤติกรรมของลูกค้าที่เริ่มคุ้นเคยกับบัตรเครดิต
และพกเงินน้อยลง บัตรนี้ก็เหมือนเดบิตการ์ดของธนาคาร
ที่ต้องเติมเงินในบัตรเสียก่อน ต่างกันก็แต่ บัตรของสตาร์บั๊คนั้นไม่ได้ถอนเป็นเงิน
แต่ถอนเป็นกาแฟ
สิ่งที่สตาร์บั๊คได้
นอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า สตาร์บั๊คยังได้เงินสดไปหมุนล่วงหน้า
และยังมั่นใจได้ว่า ลูกค้าไม่หนีไปไหน เพราะได้จ่ายเงินค่ากาแฟล่วงหน้าไปหลายแก้ว
หากจะไม่กลับมาใช้สิทธิ์ ก็จะเสียเปล่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น