ในการเริ่มต้นแก้ปัญหา สิ่งสำคัญก็คือคุณต้องนิยามปัญหาออกมาเป็นถ้อยคำให้ครอบคลุม ชัดเจน ลึกซึ้ง และตรงกับปัญหาจริงๆ
เหตุผลที่ต้องระบุออกมาเป็นถ้อยคำ เพราะมันเป็นง่ายกว่าที่คุณจะจับสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยอายตนะมากกว่าหนึ่งทางมาพิจารณาอย่างละเอียด หากมันเป็นเพียงปัญหาที่วนเวียนในหัวของคุณ มันง่ายมากที่คุณจะพลัดหลงกับมันในระหว่างการสำรวจปัญหา แต่เมื่อคุณได้เขียนปัญหาไว้ชัดเจน อย่างน้อย สายตาของคุณก็จะช่วยตรึงความคิดของคุณไว้กับปัญหาได้อีกทางหนึ่ง
การที่คุณระบุปัญหาออกมาเป็นถ้อยคำที่ชัดเจน ยังช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับในขั้นต่อๆไปของการวางแผนได้อีกด้วย เช่นเมื่อคุณได้แผนออกมาแล้ว คุณสามารถที่จะคาดการณ์คร่าวๆถึงผลลัพธ์ที่เกิดจากแผนนั้น เมื่อเทียบกับปัญหาที่คุณเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว แผนนั้นพอจะสามารถแก้ปัญหาของคุณได้จริงหรือไม่ นั่นจะบอกถึงความใช้การได้ของแผน
ปัญหาที่ได้รับการนิยามอย่างดี ถือว่าได้รับการแก้ไขไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่การที่คุณจะนิยามปัญหาได้ครอบคลุมจุดที่เป็นปัญหาจริงๆนั้น จะต้องอาศัยการสำรวจปัญหาให้รอบด้านเสียก่อน
เทคนิคหนึ่งที่อาจนำมาใช้เพื่อค้นหาปัญหาที่แท้จริงของคุณก็คือ ให้คำจำกัดความของปัญหาเสียก่อน จากนั้นให้ถามตัวเองว่า ทำไมปัญหาของคุณจึงเป็นปัญหา แล้วถามต่อไปถึงเหตุของปัญหาของคุณว่า ทำไมมันถึงเป็นปัญหาอีก ถามอย่างนี้ให้ลึกลงไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีนี้ จะทำให้คุณเข้าใจปัญหาได้ลึกซึ้งมากขึ้น
เมื่อคุณรู้สึกคับข้องใจในการประกอบการ รู้สึกว่ามีปัญหารบกวนใจ คุณไม่อาจปล่อยให้มันจบเพียงแค่ความรู้สึกคับข้องใจที่ค้างคาใจคุณ คุณควรสำรวจลึกลงไปว่า ความคับข้องใจของคุณนั้นมากจากปัญหาในเรื่องใด สำรวจให้รอบด้าน ให้แน่ใจว่าคุณมองปัญหาของคุณในหลายๆมุม และลึกมากพอ
ผู้ประกอบการร้านขายยารายหนึ่งอาจพบว่า เขามีปัญหาเรื่องการมีเภสัชกรประจำร้านตามกฎหมาย ความต้องการเริ่มแรกของเขาอาจเป็นว่า ทำอย่างไรถึงจะแก้กฎหมายในเรื่องนี้
เมื่อเขาให้คำจำกัดความของปัญหาของเขาว่า “การไม่สามารถมีเภสัชกรอยู่ประจำร้านตามกฎหมายได้” เขาอาจตั้งคำถามว่า ทำไมการมีเภสัชกรประจำร้านตามกฎหมาย จึงเป็นปัญหาสำหรับเขา คำตอบอาจเป็นว่า เพราะเขาไม่มีความสามารถจ่ายค่าจ้างเภสัชกรในราคาตลาด
ถามต่อไปว่า ทำไมเขาจึงไม่มีความสามารถในการจ่ายค่าจ้างเภสัชกรในราคาตลาด คำตอบอาจเป็นว่า เพราะร้านเขาขายไม่ดีขนาดนั้น ลำพังเพียงแค่ค่าตัวเขา รายได้ที่หามานี้ ยังไม่พอเลย ในขณะที่ค่าจ้างเภสัชกรในราคาตลาดนั้น สูงกว่าค่าจ้างบุคลากรอื่นในท้องตลาดมาก
คำตอบนี้อาจแบ่งได้เป็นสองประเด็นคือ รายได้ของร้านต่ำ และ ค่าจ้างเภสัชกรสูง อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาเรื่องรายได้ของร้านเขาร้านเดียว น่าจะทำได้ง่ายกว่าการแก้ปัญหาเรื่องค่าตัวเภสัชกรในท้องตลาดทั้งระบบ
เมื่อตั้งคำถามว่า ทำไมร้านเขาจึงขายไม่ดี คำตอบอาจเป็นว่า เพราะลูกค้าเข้าร้านเขาน้อย แถมขายไม่ได้ราคา เพราะตัดราคากัน
เหตุที่ลูกค้าเข้าร้านน้อยล่ะ คำตอบอาจเป็นว่า เพราะร้านถูกแย่งลูกค้าไป
ร้านของผู้ประกอบการรายนี้ เริ่มต้นที่ปัญหาการมีเภสัชกรตามกฎหมาย แต่เมื่อค้นลึกลงไปเรื่อยๆ ปัญหากลับอยู่ที่ศักยภาพของร้าน
ดังนั้น หากเขามิได้สำรวจปัญหาให้รอบด้านเสียก่อนที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหา เขาอาจจะเดินผิดทาง เสียทรัพยากร และเวลาในการดำเนินการที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หมดไปอย่างแท้จริง
วิธีที่เราระบุปัญหา จะกำหนดวิธีแก้ปัญหาของเรา
สมมุติว่าเขาสามารถผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายได้จริง แต่ปัญหาเรื่องการขาดศักยภาพของร้านของเขาก็ยังอยู่ เขาก็ยังต้องประสบกับปัญหาเรื่องยอดขายไม่ดี ผลประกอบการแทบจะไม่พอเลี้ยงตัว เป็นปัญหาให้เขาต้องแก้ไขต่อไป ทั้งๆที่ต้องเพิ่งเหนื่อยกับการผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายสำเร็จ
แต่หากว่า เขาสามารถสำรวจปัญหาของตัวเองให้รอบด้านเสียก่อน เขาจะสามารถวางแนวทางแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยการมุ่งเป้าไปที่การแก้ไขเรื่องศักยภาพของร้านเขาให้ลุล่วงไป เขาก็จะหลุดจากปัญหาเรื่องการมีเภสัชกรตามกฎหมายไปด้วยพร้อมๆกัน ซึ่งก็ต้องอาศัยการตั้งเป้าหมายของการแก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริง
เมื่อคุณจับปัญหาของคุณมาพลิกคว่ำพลิกหงาย ทั้งตะแคงซ้ายขวาเพื่อตรวจสอบจนรอบด้านแล้ว ก็ได้เวลาที่คุณจะตั้งเป้าหมายของการแก้ปัญหา ซึ่งจะต้องเป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ
เป้าหมายของการแก้ปัญหาของคุณคืออะไร ?
ต้องการประกอบธุรกิจร้านขายยาต่อไป หรือ ต้องการธุรกิจสำหรับเลี้ยงครอบครัว หรือ ต้องการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ฯลฯ
ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอย่างไร ขอให้เป้าหมายนั้น เป็นความต้องการที่แท้จริงของคุณ ไม่ใช่เป็นเพียงวิธีการที่คุณจะใช้ในการเดินไปสู่จุดหมาย
บ่อยครั้งเรามักจะหลงถือเอาวิธีการมาเป็นเป้าหมาย
เป้าหมายของเราไม่อาจเปลี่ยน อย่างน้อยก็เปลี่ยนได้ยาก แต่วิธีการไปสู่เป้าหมายนี่สิ เปลี่ยนได้
มันสำคัญด้วยหรือ ว่าคุณจะไปโรงเรียนด้วยแท๊กซี่สีเขียวเหลือง หรือสีชมพู แม้กระทั่งการไปด้วยรถเมล์ก็ตาม ตราบใดที่การไปถึงโรงเรียนนั้นด้วยวิธีนั้น อยู่ในเงื่อนไข และผลที่คุณพอจะรับได้
วิธีการ ไม่ได้สำคัญมั่นคงไปกว่าเป้าหมาย
สิ่งทีผู้ประกอบการรายนี้ต้องการจริงๆ ไม่ใช่การแก้ไขกฎหมาย แต่อาจอยู่ที่การอยู่รอดได้ในระยะยาวของธุรกิจต่างหาก ซึ่งลำพังเพียงแค่การแก้ไขกฎหมาย มิอาจทำให้ธุรกิจของเขาอยู่รอดได้
คุณเคยลองจับปัญหาของคุณมาพิจารณาบ้างหรือยัง ปัญหาของคุณคืออะไร เป้าหมายของคุณอยู่ตรงไหน ?
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น